วันพฤหัสบดีที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

เขาช้างเผือก...เปิดแล้ว

ทริปเขาช้างเผือก...เปิดแล้ว เริ่ม 1 พ.ย.57
อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ได้มีเอกสารแจ้งการเปิดให้บริการนักท่องเที่ยวได้ขึ้นพักแรมกางเต็นท์บนลานกางเต็นท์ยอดเขาช้างเผือก เป็นการเปิดทริปท่องเที่ยวที่เร่งด่วนมาก แจ้งประกาศตอนบ่ายแก่ๆวันที่ 30 ตุลาคม 2557 เช้าวันที่ 31โทรไม่ติดกันเลยทีเดียว ชั่วพริบตาเดียว ยอดจองเต็มแน่นเลยทีเดียว อะไรจะได้รับความนิยมถล่มทลายมากมายมหาศาล นักท่องเที่ยวผจญภัยจากทั่วประเทศอยากมาเยี่ยมเยือนแต่ด้วยพื้นที่อันนัอยนิด คืนละ 60 บานลานกางเต็นท์ แอดมินก้ออดขึ้นเขาเหมือนกัน ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะจองได้สักทีนะ

วันศุกร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2557

เดินป่า เขาช้างเผือก เตรียมตัวอย่างไร

การเตรียมตัวในการเดินป่า"เขาช้างเผือก"
เรามาเริ่มจากการแต่งกายกันก่อนเลย...เสื้อผ้าหน้าผม
1.รองเท้าควรเป็น รองเท้าเดินป่า รองเท้าผ้าใบ รองเท้ารัดส้น รองเท้าสตัทดอย(ไม่ควรนำรองเท้าเก่าใกล้ทิ้งมาใส่เดินกะว่าจะทิ้งเลยเพราะมันอาจพังก่อนจบทริปคุณอาจต้องเดินเท้าเปล่าเพราะเคยเกินขึ้นหลายรายแล้วและควรมีรองเท้าแตะพกมาด้วยช่วยได้หลายอย่าง
2.ถุงเท้ากีฬาฟุตบอลยาว ไว้ใส่คลุมปลายขากางเกงป้องกันแมลงมีพิษหรือสิ่งแปลกปลอม
3.กางเกง ควรเป็นกางเกงขายาวไม่หนามากใส่แล้วเดินสบายคล่องตัว
4.เสื้อแขนยาวกันแดดที่ระบายความร้อนได้ดี
5.ถุงมือ กัน ต้นหญ้า หนาม กิ่งไม้
6.หมวกควรเป็นหมวกปีกแบบมีคลุมหน้า
7.แว่นกันแดดแบบเบามีสายคล้องกันร่วง
8.กระเป๋าเป้สะพายหลังคาดเอวใส่สัมภาระส่วนตัว
9.ไม้เท้าอลูมิเนียมปรับระดับได้
พร้อมแล้ว !! เราไปลุยทัวร์เขาช้างเผือกกันเล้ยยยย

เขาช้างเผือก.....อยู่ที่ไหน

เขาช้างเผือก...ต้องเริ่มเดินเท้าจากหมู่บ้าน"อีต่อง"ด้วยระยะทาง 8 กม.กว่าๆ เดินไต่ระดับความสูงไปพิชิตจุดสูงสุดที่ 1,249 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ดูแลโดยอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ที่หมู่บ้าน"อีต่อง"ต.ปิล๊อก อ.ทองผาภูมิ ติดชายแดนพม่าเพียง 900 เมตร จุดท่องเที่ยวโดยรอบของหมู่บ้าน ได้แก่ น้ำตกจ๊อกกระดิ่น และ น้ำตกจ๊อกกระดิ่นล่าง จุดชมวิวพระอาทิตย์ตกและทะเลหมอกที่เนินช้างศึก ชายแดนมิตรภาพ ไทย-พม่า จุดชมวิวบนเนินเสาธง ไทย-พม่า เหมืองปิล๊อก เหมืองสมศักดิ์น้ำตกเจ็ดมิตร ร้านอาหาร โฮมสเตย์ ของกินของฝาก ปูทะเลอันดามัน ฯลฯ สนใจทัวร์เขาช้างเผือก ก็ติดต่อเราได้นะครับ ^^

เขาช้างเผือก.....เปิดเมื่อไหร่

ปกติโดยทั่วไป"เขาช้างเผือก"จะเริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่ ต้นเดือนตุลาคมไปจนถึงปลายเดือนกุมภาพันธ์ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องอาศัยการอ้างอิงเกี่ยวกับสภาพอากาศเป็นหลัก โดยขึ้นอยู่กับเจ้าหน้าที่คณะทำงานประจำอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิเป็นผู้ตัดสินใจอย่างรอบคอบ เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวเป็นสำคัญ ก่อนเปิดให้บริการ ได้มีการเปิดประชุมกันหลายฝ่ายเกี่ยวกับการบริหารจัดการในส่วนต่างๆที่เกี่ยวข้องและการแก้ไขปัญหาในแต่ละครั้งที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบต่อระบบนิเวศน์ เช่น ขยะจากนักท่องเที่ยว และผลกระทบต่อเศรษฐกิจในชุมชน มีการส่งทีมสำรวจขึ้นไปปรับปรุงแก้ไขซ่อมแซมเส้นทางและพื้นที่และจุดให้บริการนักท่องเที่ยวดูแลเรื่องความปลอดภัย ตรวจเช็คสภาพอากาศในการเตรียมความพร้อมก่อนเปิดให้บริการ ในบางครั้งบางปีจะสังเกตเห็นได้ว่า"เขาช้างเผือก"อาจจะเปิดให้บริการช้าไปบ้างและปิดให้บริการเร็วไปบ้าง นั่นสืบเนื่องมาจากสภาพอากาศทั้งฝนและไฟป่าในแต่ละปีที่มีความไม่แน่นอน บางท่านอาจไม่เข้าใจในการทำงานของหน่วยงานราชการซึ่งมีความซับซ้อนและขั้นตอนในการทำงาน แต่เพื่อเป็นประโยชน์ของทุกๆฝ่ายจึงต้องทำตามหน้าที่ในแต่ละด้าน ยังไงก็ให้ความเห็นใจซึ่งกันและกันนะครับ...ขอให้มาทัวร์เขาช้างเผือกกันด้วยหัวใจนักอนุรักษ์ธรรมชาตินะครับ ผืนป่าและภูเขาของพวกเราเก็บไว้ให้ลูกหลานได้มาชื่นชมกันต่อไปนะครับ ขอบคุณครับ

วันอังคารที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2557

ทำไมถึงชื่อ...เขาช้างเผือก

มีเรื่องเล่าสืบทอดกันมาจากคนเฒ่าคนแก่ในหมู่บ้านอีต่อง ว่าชื่อเขาช้างเผือกนั้นได้แปลมาจากภาษาพม่าที่ออกเสียงว่า"ฝี่พิ่วด่าว"เนื่องจากได้มีชาวบ้านเชื้อสายพม่าได้ออกไปหาของป่าในแถบบริเวณเขาช้างเผือกในปัจจุบัน และได้ไปพบกับโขลงช้างเผือกหลายสิบตัว ณ บริเวณที่พบโขลงช้างเผือกนั้นตั้งอยู่ระหว่างทางเดินเท้าจากลานกางเต็นท์ไปที่สันคมมีดช่วงแอ่งกลางทางนั้นทางด้านขวามือขณะหันหน้าไปทางสันคมมีดจะมีทางลงลัดเลาะไหล่เขาลงไปยังลำธารด้านล่าง ซึ่งใช้เวลาเดินลงประมาณ ๔๕ นาทีเห็นจะได้ และยังได้มีการเล่าขานถึงเหตุการณ์อาถรรณ์ของโขลงช้างเผือกนี้อีกด้วย บ้างก็ว่าเป็นช้างศักดิ์สิทธิ์ บ้างก็ว่าเป็นช้างเทพเจ้า เพราะได้มีเหตุการณ์หลายอย่าที่ทำให้ชาวบ้านต่างโจทย์ขานกันว่า ได้มีนายพรานที่ชอบออกล่าสัตว์และหาเก็บของป่ามาขาย จะเข้าไปล่าช้างเพื่อเอางาไปขาย แต่ก้อทำไม่สำเร็จเลยสักครั้งแถมยังต้องมาสังเวยชีวิตตัวเองไปด้วยความโลภและจะเอาชีวิตผู้อื่น ในปัจจุบันก็ยังมีผู้พบเห็นบ้างไม่บ่อยน้กและเห็นแค่เพียงตัวเดียว และนั่นยังคงเป็นความเชื่อว่า ณ เขาช้างเผือก แห่งนี้จะมีเจ้าพ่อช้างเผือกคอยดูแลปกป้องคุ้มครองภูเขาและป่าไม้ต่อไป ทุกปีก่อนเปิดเขาให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปเที่ยวชม จะมี่ชาวบ้านนำของมาทำพิธีเส้นไหว้ตรงบริเวณจุดทางลงไปยังถิ่นที่พักอาศัยของช้างเผือก ซึ่งจะใช้ ดอกไม้ ธูป เทียน ไก่ต้มขาว เหล้า และคำกล่าวบูชาเป็นภาษาพม่า และเมื่อสิ้นสุดฤดูการทัวร์เขาช้างเผือกในช่วงปลายเดือนมกราคมหรืออาจจะยาวไปถึงปลายเดือนกุมภาพันธ์ตามแต่สภาพอากาศในแต่ละปีนั้นๆก็จะมีชาวบ้านมาทำพิธีเส้นไหว้บูชาอีกเช่นกัน

เขาช้างเผือก.....

เขาช้างเผือก
เขาช้างเผือก คือ หนึ่งในสิบสถานที่ยอดฮิตติดอันดับที่มีผู้คนอยากไปทัวร์เขาช้างเผือกสักครั้ง หรือแม้แต่คนที่เคยมาแล้วก็ยังอยากกลับมาอีก ด้วยความสวยงาม และความท้าทายของธรรมชาติ อย่างที่รู้ๆกันอยู่ว่าในอดีตใครที่ได้ขึ้นพิชิตยอดเขาช้างเผือกนั้นทางอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิจะได้ทำการออกเกียรติบัตรไว้ให้เป็นที่ระลึก ซึ่งมีด้วยกัน 3 ระดับชั้นด้วยกันคือ 
ระดับที่ 1 ลานกางเต็นท์(จุดตั้งแคมป์พักแรม มีห้องน้ำเป็นแบบส้วมหลุม)
ระดับที่ 2 สันคมมีด(ทางเดินแคบประมาณ 40-60 ซ.ม.บนสันเขา)
ระดับที่ 3 จุดสูงสุด(เขาสูง ยอด 1,249 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง)
1.ลานกางเต็นท์ ที่มีห้องน้ำเป็นแบบส้วมหลุมฝาเปิด-ปิดได้ พื้นที่กางเต็นท์มีน้อยจึงต้องจำกัดนักท่องเที่ยวขึ้นค้างพักแรมคืนละ 60 ท่านในแต่ละปีที่ผ่านมา(ปีนี้อาจเหลือแค่ 50 ท่าน ต่อคืน)สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์เกือบ 360 องศารอบด้าน ในบ้างช่วงเวลาสภาพอากาศและอุณหภูมิลงตัวพอเหมาะก็จะได้เห็นทะเลหมอกทั้งฝั่งซ้ายและฝั่งขวาตรงบริเวณลานกางเต็นท์เลยที่เดียว คือ ตื่นมาจิบกาแฟชมหมอกกันข้างเต็นท์เลยทีเดียว แล้วยังสามารถมองเห็นพระอาทิตย์ขึ้นได้โดยไม่ต้องเดินไปไหนแค่หมุนรอบตัวเองก็เห็นความงดงามของธรรมชาติรอบด้านเลย
2.สันคมมีด คือจุดที่ต้องเดินผ่านไปยังจุดสูงสุด เป็นช่วงระหว่างทางเดินจากลานกางเต็นท์ไปยังจุดสูงสุด จุดที่เสียวลุ้นระทึกที่สุด ตรงที่เรียกว่าสันคมมีดเพราะลักษณะของทางเดินตรงนั้นจะแคมมาก ประมาณ 40-60 ซ.ม.ในระยะทางประมาณ 50 เมตร แม้ไม่ไกลมากก็ทำให้หลายคนกลัวจนไม่กล้าข้ามไป เพราะซ้ายก็เหว ขวาก็เหว อืมน่าคิดหนัก แต่ในความน่ากลัวเราก็ยังมีตัวช่วยให้นะ คือจะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลความปลอดภัยแนะนำวิธีการเดิน ปีนป่าย และมีทีมงานคอยช่วยเหลือ ให้กำลังใจกันตลอด
3.จุดสูงสุด ที่ 1,249 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง ทางขึ้นและลงค่อนข้างชัน ประมาณ 70-80 องศาเลยที่เดียว ต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมากเช่นกัน ซึ่งการขึ้นลงก็หวาดเสียวได้ใจเลยทีเดียว แต่ต้องยอมรับว่าความสวยงามของธรรมชาติที่มองเห็นอยู่เบื้องหน้านะตอนนั้นมันคุ้มค่ากับการเดินทางมาในครั้งนี้เป็นอย่างมาก